การอบรม จป หมายถึง การจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานเพื่อสอดส่องดูแลด้านความปลอดภัยในองค์กรของเรา ซึ่งกฎหมายกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานนั้น ได้กำหนดให้นายจ้างจะต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานในแต่ละระดับตามที่กฎหมายกำหนด เช่น จป หัวหน้างาน, จป บริหาร, จป เทคนิค เป็นต้น
ข้อกำหนดเกี่ยวกับ จป ในองค์กร
ก่อนที่เราจะทำการ อบรม จป นั้นเราจะต้องทำการตรวจสอบในองค์กรของเราเสียก่อน ว่าเราอยู่ในกิจการประเภทใดบ้าง และมีจำนวนลูกจ้างทั้งหมดกี่คน เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับแนวทางที่ราชการประกาศออกมา ยกตัวอย่าง เช่น
- หากเราเป็นบริษัทไซด์งานก่อสร้างกฎหมายได้กำหนดว่าสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่สองคนขึ้นไปจะต้องจัดให้มี จป ระดับหัวหน้างาน จป ระดับบริหาร หรือ จป เทคนิค เป็นต้น
- ลูกจ้างที่มีจำนวนเกิน 20 คนขึ้นไปนายจ้างจะต้องจัดให้มี จป หัวหน้างานในสถานประกอบกิจการ เช่น กิจการโรงแรม ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ธนาคาร หรือสถาบันการเงิน ห้อง labต่างๆ สถานบันเทิง การกีฬากิจ การเหล่านี้จะต้องส่งลูกจ้างไป อบรม จป เพื่อทำการขึ้นทะเบียนและปฎิบัติหน้าที่ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับจป เช่น
⁃ เสนอให้มีมาตรการความปลอดภัยในการทำงานที่เหมาะสม
⁃ ตรวจสอบและเสนอให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัย
⁃ ทำการวิเคราะห์เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เป็นอุบัติเหตุ
⁃ วิเคราะห์งานเพื่อชี้บ่งอันตราย
⁃ วิเคราะห์แผนงานตามโครงการมาตรการต่างๆ จัดทำรายงาน
⁃ ประเมินการประสบอันตรายและหาวิธีการป้องกันจัดทำรายงาน
⁃ ประเมินความเสี่ยงในการทำงาน
⁃ ควบคุมให้พนักงานหรือลูกจ้างปฏิบัติตามข้อบังคับกฎระเบียบด้านความปลอดภัยในตามคู่มือความปลอดภัยในการทำงาน
⁃ แนะนำฝึกสอนอบรมลูกจ้างให้พนักงานทุกคนได้ผ่านการฝึกอบรมตามที่กฎหมายกำหนด เช่น หลักสูตรความปลอดภัยในการทำงานสำหรับพนักงานใหม่เป็นต้น
⁃ ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยอื่นๆตามที่นายจ้างมอบหมาย เช่น การจัดกิจกรรมด้านความปลอดภัย
⁃ ตรวจประเมินตามแผนงานด้านความปลอดภัยเช่นการตรวจอุปกรณ์ฉุกเฉินต่างๆการตรวจสอบพื้นที่การตรวจ 5ส
⁃ ทำการตรวจวัดประเมินสภาพแวดล้อมในการทำงานประจำปีเช่นตรวจสารเคมีตรวจความร้อนตรวจแสงสว่างตรวจเสียง
สถานประกอบกิจการและบริษัทไหนต้องมี จป
ตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานฯ พ.ศ. 2549 มีการกำหนดสถานประกอบกิจการต้องมี จป. ดังนี้
- การทำเหมืองแร่ เหมืองหิน กิจการปิโตรเลียมหรือปิโตรเคมี
- การทำ ผลิต ประกอบ บรรจุ ซ่อม ซ่อมบำรุง เก็บรักษา ปรับปรุง ตกแต่ง เสริมแต่งดัดแปลง แปรสภาพ ทำให้เสีย หรือทำลายซึ่งวัตถุหรือทรัพย์สิน รวมทั้งการต่อเรือ การให้กำเนิดแปลง และจ่ายไฟฟ้าหรือพลังงานอย่างอื่น
- การก่อสร้าง ต่อเติม ติดตั้ง ซ่อม ซ่อมบำรุง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคาร สนามบิน ทางรถไฟ ทางรถราง ทางรถใต้ดิน ท่าเรือ อู่เรือ สะพานเทียบเรือ ทางน้ำ ถนน เขื่อน อุโมงค์ สะพาน ท่อระบาย ท่อน้ำ โทรเลข โทรศัพท์ ไฟฟ้า ก๊าซหรือประปา หรือสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ รวมทั้งการเตรียมหรือวางรากฐานของการก่อสร้าง
- การขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าโดยทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และรวมทั้งการบรรทุกขนถ่ายสินค้า
- สถานีบริการหรือจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงหรือก๊าซ
- โรงแรม
- ห้างสรรพสินค้า
- สถานพยาบาล
- สถาบันทางการเงิน
- สถานตรวจทดสอบทางกายภาพ
- สถานบริการบันเทิง นันทนาการ หรือการกีฬา
- สถานปฏิบัติการทางเคมีหรือชีวภาพ
- สำนักงานที่ปฏิบัติงานสนับสนุนสถานประกอบกิจการตาม ข้อ 1) ถึง 12)
- กิจการอื่นตามที่กระทรวงแรงงานประกาศกำหนด
การวิเคราะห์รูปแบบการป้องกันอันตรายจากเครื่องจักร ตามกฎกระทรวงปี 2564
(จากเนื้อหาของหมวดที่ 1 ส่วนที่ 1 และ 2) ก็จะเป็นรูปแบบเดียวกันกับกฎกระทรวงฉบับปี 2552 ครับ ก็คือ
- ป้องกันที่แหล่งกำเนิดอันตราย เช่น ติดตั้งอุปกรณ์หรือระบบป้องกันอันตรายที่ตัวเครื่องจักรเลย
- ป้องกันที่ทางผ่าน เช่น การวางผังพื้นที่ตั้งเครื่องจักร รวมทั้งแบ่งพื้นที่ป้องกันคนไม่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน
- ป้องกันที่ตัวผู้ปฏิบัติงาน เช่น อบรมให้ความรู้ กำหนดการแต่งกายให้รัดกุม และจัดพวก PPE
สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานหลังจากที่ไปอบรม จป หัวหน้างาน ออนไลน์มาเรียบร้อยแล้วจะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในสถานประกอบการของเราเอง